elderadmin's picture

ภาวะสับสนในผู้สูงอายุ

ภาวะสับสนในผู้สูงอายุ

เรื่องนี้เป็นปัญหาที่พบบ่อย เข้าใจยาก และอาจเป็นสัญญาณอันตรายในบางครั้งครับ

ในทางการแพทย์ เรียกว่า Delirium(อ่านว่า ดีล-ลิ-เหลี่ยม) คือภาวะสับสนในผู้สูงอายุ

ลักษณะอาการ อาจเริ่มต้นด้วยการนอนยาก หรือไม่ยอมนอนในเวลากลางคืน แต่มานอนในเวลากลางวัน คิดช้าลง คุยช้าลง ลักษณะที่สำคัญคือ ไม่มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ บางครั้งเหมือนสนใจฟังเรา แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจ อาการมักเริ่มแสดงอาการช่วงหัวค่ำก่อนเวลาเข้านอน หรืออีกช่วงคือช่วงเช้าๆ  อาการที่ปรากฏในภาวะสับสนมักแสดงออกได้สองแบบ

  1. ประเภทสับสนวุ่นวายโดยมากจะไม่ยอมนอน พูดไปเรื่อยๆ ฟังเราเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่จะพยายามทำในสิ่งที่อยากทำตลอด เช่นจะลงจากเตียง จะเดิน จะดึงสายอาหารทางจมูก บางรายเกรี้ยวกราด มีการทุบทำร้ายคนที่ขัดใจ
  2. ประเภทซึมเซา จะดูคล้ายนอนมากขึ้น แต่หลับไม่สนิท มักดูเหมือน นอน 2 นาที ตื่น 3 นาที สลับกันไปเรื่อยๆ แล้วจะหยิบคว้าของที่ไม่มีจริงในอากาศ หรือบิดผ้าห่มผ้าปูเตียง บางรายพูดคนเดียว คล้ายที่โบราณว่าคุยกับผี มักไม่เกรี้ยวกราด กลุ่มนี้มักดูแลง่ายกว่ากลุ่มแรก

เกิดขึ้นได้อย่างไรสาเหตุการเกิดต้องประกอบด้วยสภาวะสองอย่างครับ

1. ปัจจัยพื้นฐานของผู้สูงอายุเอง อาการนี้บ่งชี้ว่าผู้สูงอายุ มีภาวะสมองเสื่อมอยู่ไม่มากก็น้อย เช่นอาจเป็นสมองเสื่อมตามวัย เคยมีโรคหลอดเลือดสมอง อัลไซเมอร์พาร์กินสัน หรือโรคทางกายอื่นๆเรื้อรังมานานเช่น เบาหวาน ไตวาย ซึ่งอาจเคยมีหรือไม่เคยมีภาวะสับสน มาก่อนก็ได้

2. ต้องมีเหตุ ปัจจัยภายนอก หรือภายในร่างกายผู้สูงอายุคนไข้ที่เกิดขึ้นใหม่มากระทำ เช่น

  1. การติดเชื้อ เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปอดบวม ไซนัส ท้องเสีย ไม่ว่าจะมีไข้ หรือไม่มีไข้ก็ได้
  2. ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือสูงเกินไป เช่นต่ำกว่า 90 หรือสูงกว่า 250 โดยประมาณ
  3. ภาวะร่างกายขาดน้ำหรือขาดสารอาหาร หรือเกลือแร่ เช่นได้รับน้ำน้อยไป เสียเหงื่อมาก โซเดียมในเลือดต่ำ เรามักพบในคนที่มีโรคไต หรือหัวใจร่วมด้วย
  4. ยาที่พึ่งได้รับ หรือพึ่งเปลี่ยน ในช่วง 1 วันถึง 2 สัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ ยาแก้แพ้แบบที่ทำให้ง่วง เช่น Chlorpheniramine/ ยาแก้ปวด Tramadol / ยาแก้คัน Atarax, Hydroxyzine /ยานอนหลับบางชนิด / ยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด อาหารบางอย่างเช่น ชาหรือกาแฟที่ปกติไม่เคยรับประทาน
  5. โรคทางกาย หรือทางสมองที่เกิดขึ้นใหม่ เช่นโรคหลอดเลือดสมองตีบ เลือดคั่งในสมอง ซึ่งมักมีความดันที่สูงขึ้น อ่อนแรงแขนขาซีกใดซีกหนึ่ง พูดลิ้นแข็ง, โรคลมชัก ที่มีอาการเกร็งกระตุกแขนขา ใบหน้าให้เห็นในบางช่วงด้วย, การหกล้มหัวกระแทกที่แม้ไม่ได้รุนแรงมาก แต่เกิดภาวะเลือดคั่งในสมอง
  6. ความเจ็บปวดจากแผลกดทับ อาการคันจากผื่น เสื้อผ้าที่รัดเกินไป จนรบกวนการนอนอย่างมาก
  7. สิ่งแวดล้อม การย้ายที่อยู่ใหม่ เปลี่ยนคนดูแลใหม่ เช่นผู้ป่วยที่ย้ายเข้ามาอยู่ใน เนิร์สซิ่งโฮมครั้งแรกก็อาจพบภาวะนี้

          การปฏิบัติดูแลเมื่อเกิดภาวะสับสน

  1. ต้องป้องกันอันตรายต่างๆที่อาจเกิดกับคนไข้ก่อน สำคัญที่สุดเช่น ย้ายจากที่ๆมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ  เช่น ป้องกันการตกเตียงโดยย้ายมานอนฟูกที่วางกับพื้น
  2. หาสาเหตุ โดยสังเกตจาก
    1. รอยแผลฟกช้ำตามศีรษะ และแผลอื่นๆ
    2. วัดไข้ อุณหภูมิกาย วัดความดัน ชีพจร หากสูงหรือต่ำกว่าวันก่อนมาก ควรปรึกษาแพทย์
    3. สังเกตอาการไข้หวัด ไอ หอบ อาการปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมีกลิ่นเหม็น ท้องเสีย
    4. ดูการเคลื่อนไหวแขนขา หากมีข้างใดอ่อนแรงต่างจากเดิมมาก ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าเกี่ยวกับโรคทางสมอง
    5. ตรวจวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้วทันที ถ้าต่ำกว่า 90 สูงกว่า 250 ควรปรึกษาแพทย์
    6. ตรวจดูยา อาหารที่ผู้ป่วยรับประทาน  และหรือแอบรับประทาน
  3. ถ้าจำเป็น ให้จัดเตียงแยกต่างหาก จัดคนเฝ้าพิเศษ 1 คนหรืออาจต้องมัดมือในผู้สูงอายุบางราย ทั้งนี้ให้ปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสมในการดูแลแต่ละกรณี
  4. แก้ไขปัญหาตามสาเหตุที่ตรวจพบ หรือรับยาตามที่แพทย์วินิจฉัยหรือพิจารณานำส่งโรงพยาบาลในบางราย

            ต้องฝากว่า ทุกครั้งที่พบภาวะ Delirium ต้องหาสาเหตุที่แก้ไขได้ และสัญญาณอันตรายต่างๆให้ครบก่อนเสมอครับ ในผู้สูงอายุบางรายอาจเป็นได้หลายรอบ และอาจเป็นสัญญาณของโรคต่างๆได้ ถ้าญาติและผู้ดูแลมีความสังเกตและเอาใจใส่ในการดูแลตามที่กล่าวมาได้ จะช่วยชีวิตผู้สูงอายุได้จริงแน่นอนครับ…. ขอเป็นกำลังใจให้ญาติและผู้ดูแลทุกท่าน


 

                                                                         ด้วยความปรารถนาดี                       

                                                หมอหนึ่ง (นพ.สุกรีย์ สมานไทย)

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอายุรกรรมประสาทวิทยา

                                                Medical Consultant สถาบันพัฒนาการดูแลผู้สูงวัย

                                                                      และศูนย์ดูแลในเครือลิฟวิ่งเวล

 

(บทความนี้ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการเผยแพร่เพื่อให้ความรู้ต่อสาธารณะในเว็บ eldercarethailand.com เท่านั้น)

*ข้อความที่เป็นโฆษณาทั้งหมดใน eldercarethailand.com ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการตัดสินใจ กรุณารวบรวมข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจเลือก ทาง Elder Care Thailand ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของทางศูนย์ดูแลฯ ใด ๆ ทั้งสิน*

Copyright © 2011 ข้อมูล ดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ การดูแลผู้สูงอายุ Eldercarethailand. Designed by eldercarethailand